“กรุงศรี” คงเป้าจีดีพีไทยโต 3.3% การเมืองกระทบเศรษฐกิจ คาดเงินบาทสิ้นปี 33.75
จบดอกเบี้ยขาขึ้นไตรมาส 3 เตรียมลงทุนไตรมาส 4 รับดอกเบี้ยขาลง
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงประมาณการการขยายตัวของ จีดีพีไทย ในปี 2566 อยู่ที่ 3.7% โดยหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโต 3.8% เพิ่มขึ้นจากเดิม 3.3%
น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ระบุว่า กสิกรไทยมีมุมมองข้างอนุรักษนิยม เกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย การคุมเข้มเรื่องหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย และความไม่นอนในด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่
“การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ในไตรมาสถัด ๆ ไป เรามองว่ายังโตได้ประมาณ 3% กว่า ๆ มีทั้งประเด็นเรื่องดอกเบี้ยที่อาจจะต้องขึ้นอีก และ ธปท.อาจจะมีการคุมเข้มเรื่องหนี้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นกระตุ้นเศรษฐกิจของรั{บาลก็ไม่รู้ว่าจะมาทันหรือปล่า ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้จะมีผลกระทบเรื่องของ การบริโภคภาคเอกชน” น.ส.ณัฐพร กล่าว
สำหรับบริโภคของรัฐบาลยังคงติดลบ 3.0% ส่วนการลงทุนในระยะข้างหน้ายังมีความไม่นอน จึงปรับลดลงเหลือโต 1.8% เพราะนักลงทุนกำลังรอคอยการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเหลือโต 1.8%
เศรษฐกิจไทยปีนี้ ยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยว ซึ่งคาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยจะแตะ 28.5 ล้านคน เท่าเดิม และการส่งออกในปี 66 จะหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอี่ก 0.25% จากความกังวลเงินเฟ้อที่คาดว่าจะกลับมาในปี 67
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่จะเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ ทำให้ต้องวิเคราะห์ทีละขั้น ซึ่งต้องติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66 นี้ ว่าสามารถลงมติผ่านในครั้งเดียวหรือไม่ เพราะถ้าหากมีความล่าช้าออกไปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่เพียงการเบิกจ่ายภาครัฐ แต่จะกระทบความเชื่อมั่นด้วย จากการประเมินสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) จะทำให้จีดีพีไทยเติบโตเหลือเพียง 2.5%
นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนที่เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแรงอาจส่งผลกระทบต่อไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาจีนสูง โดยสะท้อนจากภาคการผลิตจีนชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก อาจส่งผลกระทบบางประเทศในอาเซียนด้วย เช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย เป็นต้น
ศูนย์วิจัย ประเมินว่าไทยจะส่งออกไปจีน เติบโต 3.4% ปัจจยหลักมาจากกลุ่มสินอาหาร แต่สินค้ากลุ่มอื่นยังลดลง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการบริโภคจะได้รับผลกระทบมากสุด หากเศรษฐกิจจีนชะตัวลอลงมาก ส่วนจำนวนชาวจีนที่เขามาท่องเที่ยวในไทย ประเมินอยู่ที่ 5 ล้านคน ซึ่งยังมีโอกาสปรับลดลงอยู่
ด้านปรากฏการณ์ภัยแล้ง หรือ เอลนีโญ น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า คาดจะเกิดขึ้นยาวนานจนถึงครึ่งแรกของปี 67 เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงไทยด้วยคาดรุนแรงเที่ยบเท่าเมื่อปี 58-59 เนื่องจากปีนี้ 66ไทยมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าปกติจะทำให้หลายภาคส่วนมีน้ำในใช้ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะภาคเกตรกร ประเมินความเสียหายปีนี้ราว 48,000 ล้านบาท และยังส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำสัดส่วนสูง รวมถึงภาคบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นต้น